6/18/2018

สภาวะดื้ออินซูลิน ต้นเหตุแท้จริงของโรคผู้มีอันจะกิน

สภาวะดื้ออินซูลิน ต้นเหตุแท้จริงของโรคผู้มีอันจะกิน

สภาวะดื้ออินซูลิน ทำให้ร่างกายนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ได้ยาก เป็นสภาวะที่เกิดก่อนการเป็นโรคเบาหวานสิบยี่สิบปี ทุกท่านที่มีพุงกะทิมีสภาวะนี้ทั้งสิ้น จะก่อให้เกิดโรคความดันเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด เราไม่ทราบว่าเราเป็นโรคดื้ออินซูลิน เพราะในชุดตรวจสุขภาพประจำปีไม่มีการตรวจอินซูลินหลังอดอาหาร ค่าอินซูลินในเลือดเกินแปดในเวลาเช้าแปลว่าท่านเป็นโรคนี้แล้ว แต่ร่างกายสามารถชดเชยความบกพร่องนี้ได้เป็นสิบปีทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดยังคงที่ เมื่อปริมาณน้ำตาลในเลือดควบคุมไม่ได้ก็กลายเป็นโรคเบาหวาน  ซึ่งทางการแพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าต้องกินยาไปตลอดชีวิต แต่ในวงการแพทย์ทราบกันดีว่า คนไข้เบาหวานไม่มีวันดีขึ้น ยาช่วยให้น้ำตาลต่ำได้สักระยะหนึ่ง จากนั้นหมอก้ต้องเปลี่ยนยา ฉีดอินซูลิน แผลที่เท้าเริ่มหายยาก ต้องตัดขา ตาบอด ไตวาย จบชีวิตเร็วกว่าที่ควรจะเป็น 8-10 ปี

สาเหตุของสภาวะดื้ออินซูลินมาจากภาวะการอักเสบ สภาวะเครียดอ็อกซิเดชั่น พันธุกรรม แต่สาเหตุสำคัญที่สุดที่ก่อให้เกิดภาวะดื้ออินซูลินคืออาหารที่เรารับประทาน หรือจะเรียกให้ถูกต้องคือชนิดของอาหารที่เรารับประทาน ที่เรียกว่าสภาวะช้างในห้องนั่นเอง (คือใหญ่เกินไปจนมองไม่เห็น) เราถูกสอนว่าไขมันเป็นของไม่ดี เป็นต้นเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด ให้ลดหรืองดอาหารไขมัน ทั้งที่ไขมันให้พลังงานได้ดีและไม่กระตุ้นอินซูลิน ถูกสอนว่าสาเหตุของเบาหวานคือน้ำตาล ผู้ป่วยเบาหวานให้ลดอาหารหวาน แต่ไม่มีใครบอกให้ผู้ป่วยเบาหวานงดแป้งและผลไม้ซึ่งเป็นอาหารกระตุ้นการหลั่งอินซูลินระดับสูงๆ ไขมันในอาหารถูกมองให้เป็นผู้ร้าย เป็นสาเหตุของโรคอ้วน แต่ในภาวะที่อินซูลินในเลือดสูงคาร์โบไฮเดรทส่วนเกินจากมื้ออาการต่างหากที่ถูกสร้างเป็นเม็ดไขมันที่เพิ่มขึ้นในเซลล์ (adipogenesis) เมื่อไขมันในเซลล์ปริ่มล้นจนเซลล์รับไว้ไม่ได้อีกต่อไป (100-200 เท่าปริมาตรปรกติ) ปริมาณอินซูลินในเลือดจะกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดให้เปลี่ยนเป็นเซลล์สะสมไขมัน (lipogenesis) มำให้มีเซลล์ไขมันเพิ่มจำนวนขึ้นในร่างกาย

คนไทยเกิดในประเทศทำนา ทุกมื้อมีข้าวขัดขาวกระตุ้นอินซูลินอย่างสุดๆ อาหารคือตัวการก่อภาวะดื้ออินซูลิน แต่อาหารที่ถูกต้องก็ขจัดปัญหานี้ให้ท่านได้เช่นกัน


การจะแก้ปัญหาภาวะดื้ออินซูลิน คือเราต้องบริโภคอาหารที่รักษาระดับอินซูลินไว้ในระดับที่ร่างกายพอใจ

โปรตีนกระตุ้นอินซูลินในระดับพอสมพอควร 2-3 เท่าของระดับปรกติ คาร์โบไฮเดรท (ขึ้นกับชนิดใด) กระตุ้นอินซูลินอย่างมาก เกินกว่า 10 เท่าสูงกว่าระดับปรกติ ส่วนการบริโภคไขมันไม่กระตุ้นปริมาณอินซูลินเลย ดังนั้นอาหารที่จำกัดการเพิ่มปริมาณอินซูลินอย่างมากอย่างรวดเร็ว (คาร์โบไฮเดรท) และเพิ่มปริมาณสารอาหารที่ไม่กระตุ้นอินซูลิน (ไขมัน) จึงสามารถทำให้สภาวะตอบสนองต่ออินซูลินของเซลล์ต่างๆในร่างกายคืนกลับมาได้

มาเรียนรู้เกี่ยวกับอินซูลินกันเถิด

อ้างอิง ดร. เบนจามิน บิ๊คแมน
ภาพจากอินเตอร์เน็ต

#อินซูลิน
#ดื้ออินซูลิน
#ไขมัน
#คาร์โบไฮเดรท
#เบาหวาน
#โรคหัวใจ
#โรคอ้วน

4/10/2018

กินคีโต โก้ไม่ต้องแพง

กินคีโต โก้ไม่ต้องแพง

วันก่อนไปวิ่งกับกลุ่ม Thai Keto Friends เห็นน้องท่านหนึ่งกินคีโตเจนิค ไดเอทแล้วบ่นว่าน้ำหนักไม่ลด (เพราะไม่ได้อ้วน ไม่มีอะไรให้ลด) กินเพราะทำให้สามี สามีลดแล้ว 8 กก แปลว่าอาหารมาถูกทาง น้องถามว่าจะเลิกเมื่อไหร่ดี กินแล้วแพงจัง
ไม่แพงหรอกคะ นอกจากเราพร๊อปเยอะไปเอง
ที่จำเป็นสุดๆ ขาดไม่ได้
1 ACV เอายี่ห้อไหนก็ได้ ที่ลดราคา ขอให้มี "แม่" คือเส้นไฟเบอร์จากแอปเปิ้ลล่องลอย
2 น้ำมันมะกอก เอาขวดราคาถูก กลิ่นเยอะก็ใส่สลัดทำกับข้าวไปเสีย

3 น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ไว้ใส่เครื่องดื่ม ขวดที่ถูกหรือลดราคา ส่วนปรุงอาหารก็น้ำมันมะพร้าวผ่านขบวนการ ก็ยี่ห้อถูกสุดนั้นแหละ ถ้าขวดสวยก็แพงหน่อย
4 เกลือชมพู ถ้าซื้อออนไลน์หรือตลาดวันศุกร์ กิโลนึงปีนึงก็ไม่หมด ถ้าซื้อในห้างขวดกระจิ๋วร้อยกว่าบาทจะขาดใจ
5 คีเฟอร์ (ทานแล้วช่วยเรื่องสภาวะท้องผูก) ซื้อเกรนก็ได้ หรือเอ่ยปากขอของใครที่เขาเลี้ยงแล้วกินไม่ทัน คีเฟอร์กินนม ไม่แพงดอกออเจ้า
6 สารให้ความหวานสตีเวียอิควัล อันนี้ต้องจ่าย กาแฟแก้วหนึ่งครึ่งซองก็พอ กล่องละร้อยใช้ได้เดือนนึง
7 อโวคาโด ตัวนี้แนะนำ วันละครึ่งลูก ในแมคโครตอนนี้นอกฤดูลูกละ 59 ครึ่งลูก 29 คิดเป็นเงินถูกกว่าคาปูชิโน่ข้างทาง

อย่างอื่นคือตัวเสริม
อาหารส่วนใหญ่ผัดๆทอดๆ ทำได้ที่บ้าน ซื้อของสดมาไม่แพงหรอกค่ะ หมูสามชั้นสไลซ์ กก ละ 135 ทานได้มื้อละขีดเท่านั้นละค่ะ
ถ้าอยากอบพิซซ่า ทำขนมอบ นั่นเอกซ์ตร้า ไม่มีเตาอบไม่ทำขนมอบก็กินคีโตบ้านๆ ก็ได้แล้วลดด้วยค่ะ
ขนมคีโต แพงสิคะ วัตถุดิบชั้นดี ใครขายเขาก็ต้องขอกำไร อยากไม่แพงทำเอง
แป้งอัลมอนด์ถ้าอยากไม่แพงทำนมอัลมอนด์เอง ตากกาก นั่นคือแป้งอัลมอนด์
แป้งมะพร้าวคือกากมะพร้าวคั้นกะทิตากแห้ง
สตีเวียอีควัล น้ำตาลอิริท ถ้าว่าแพงซื้อหญ้าหวานมาหนึ่งส่วนแช่น้ำอุ่นสองส่วน 24 ชม กรองต้มงวดเหลือปริมาตรครึ่งหนึ่ง แช่ตู้เย็นเก็บได้นาน
อยากกินคีโต ตั้งใจเลย ค่อยๆ เก็บรายการจำเป็น
เรื่องของของที่มีก็ดีแต่ไม่จำเป็นสำหรับทุกคน
แผ่นตรวจคีโต ไม่จำเป็น ถ้าอยากซื้อก็ได้ อยากประหยัดเอากรรไกรตัดครึ่งตามยาว หนึ่งแผ่นจึงตรวจได้สองครั้ง
ใครอยากกินชีส ซื้อของดีเป็นก้อน ซื้อที่ขูดชีส 40-100 บาท ตัดเป็นก้อนเล็กออกมาเอามาขูดเองเป็นมื้อๆ ไป
วิปครีม 150-195 บาท แต่ก่อนก็บ่นว่าแพง แต่ใช้มื้อละสองช้อนโต๊ะผสมกาแฟ หนึ่งกล่องอยู่ได้สามสัปดาห์ อาทิตย์ละ 50 บาทแพงอะไร กาแฟนอกบ้านแก้วละ 50 อัพทุกที


แซลม่อนกิโลละพันกว่า รับไม่ไหว แต่แมคโครขายพุงแซลม่อน กก ละ 150 บาท ขายแซลม่อนบดกก ละ 75 บาท คุณค่าทางอาหารเหมือนกันจ้า ตลาดวงเวียนใหญ่ขายกระดุกปลาแซลม่อนเนื้อติดเต็ม กก ละ 50 บาท ต้ม bone broth ได้น้ำมันปลาปากมันย่อง
ผลไม้ดัดจริตกินได้แต่เบอรี่ของโครตแพง ท๊อปขายสตรอเบอรี่แช่แข็ง 500 กรัมไม่ถึง 80 บาท แมคโครขายถุงใหญ่ต่อน้ำหนักแล้วถูกกว่า แบ่งใช้ไม่เปลืองหรอก กิน 100 กรัมคาร์บ 4 กรัมอย่าเยอะค่ะ
อัลมอนด์ วอลนัท แพง เค้าให้กินทีละสี่ห้าเม็ดค่ะ หลายคนไม่ลดเพราะกินถั่วเพลิน อยากถูกกินเมล็ดทานตะวันได้ค่ะ ถ้าต้องขบเปลือกเองจะไม่เปลือง
MCT oil หมออีริค เวสต์แมน รักษาคนไข้เบาหวานด้วยคีโตมากว่าหมื่นคน หมอบอกไม่จำเป็นต้องกิน MCT oil ร่างกายจะเผาไขมันสร้างคีโตนเองไม่ต้องกินจากข้างนอก นอกจากคุณเทรนเล่นกีฬาอัดไว้ได้ อยากไม่แพงกินน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เป็นคนไทยใช้ของไทยช่วยเกษตรกร
น้องบ้านนาที่ขอนแก่นบอก "กินคีโตไม่เปลืองหรอกพี่ เดี่ยวนี้ซื้อแต่ผักหญ้า อาหารเสริมลดน้ำหนักหนูเลิกหมดโยนทิ้งไปเลย กินมากี่ปีเดือนละกี่พัน ลดแล้วโยโย่ จาก 54 ไปเป็น 93 กินคีโตนี่คือสงครามครั้งสุดท้าย สามเดือนลงไปสิบโล มีความสุขทุกวันเลยคะ"
ถ้าจะให้แนะนำ ให้ไปแมคโครก่อน ของถูกอย่างคาดไม่ถึง รวมถึงอโวคาโดทั้งในและนอกฤดูกาล อาจนัดเพื่อนไป ซื้อแล้วเทแบ่งกัน (เขาขายขวดใหญ่ห่อใหญ่แต่คุ้มกว่าซื้อตามห้าง)


กินข้าวนอกบ้าน อย่างถูกคือ 50 บาท ได้ข้าวเต็มจาน หมูผักไม่กี่ชิ้น น้ำตาลชูรสเพียบ ห้าสิบบาทได้ผักหนึ่งกำ สามชั้นหนึ่งเส้น ใส่กะทะแป๊บเดียว ไม่คิดถึงชูรสและน้ำตาลเลยนะคะ

Cr Photo from internet

2/02/2018

คลอเรสเตอรอลในเลือดสูงขึ้นไหมถ้ารับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ #คีโตเจนิคไดเอท


คลอเรสเตอรอลในเลือดสูงขึ้นไหมถ้ารับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ #คีโตเจนิคไดเอท

ใครๆ ก็กังวลเรื่องนี้

นายแพทย์อีริค เวสต์แมน มหาวิทยาลัยดู๊ค ตอบว่า "มันเป็นการคาดการณ์ว่า เมื่อกินไขมันมากขึ้นคาร์บน้อยลงคลอเรสเตอรอลจะสูงขึ้น  หมอ บุคลากรสาธารณสุข และประชาชนทั่วไปหนึ่งชั่วคน ถูกสอนมาให้มีความเห็นเช่นนั้น เมื่อมีการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าการคาดการณ์ดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด  คณะแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขของผมได้มีส่วนร่วมในการศึกษาเก็บข้อมูลดังกล่าวเมื่อสิบปีก่อน  เราพบว่าอาหารคาร์บต่ำและไขมันสูงไม่มีผลทำให้เกิดคลอเรสเตอรอลสูงและเกิดโรคหัวใจแต่อย่างใด  แต่เนื่องจากไม่มีใครออกมาแก้ไขข้อมูลที่เผยแพร่ไปในหมู่ประชาชน ผู้คนก็ยังเข้าใจผิดๆ กันต่อไป"

นพ.อีริค เวสต์แมน

เมื่อนพ. เวสต์แมนและคณะได้ทำการศึกษาเรื่องความเสี่ยงโรคหัวใจ พบว่าอาหารคาร์บต่ำลดปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจ โดยลดปริมาณไตรกลีเซอร์ไรด์และเพิ่มปริมาณ HDL ซึ่งเป็นคลอเรสเตอรอลที่ดีในเลือด 

"แต่ก็มีข้อท้วงติงว่า การบริโภคอาหารแบบนี้เพิ่มปริมาณ LDL  โดยทั่วไปแล้วในคนไข้ของผมเมื่อบริโภคอาหารคาร์บต่ำไขมันสูงปริมาณ LDL จะลดลง บางครั้งเราพบว่า LDL มีปริมาณสูงขึ้นในคนไข้บางราย  แต่เมื่อเราตรวจดูพบว่าปริมาณ LDL ที่สูงขึ้นนั้นเป็น LDL โมเลกุลขนาดใหญ่ มีน้ำหนักเบาและ มีลักษณะโมเลกุลปุกปุยล่องลอย  ไม่ใช่ LDL โมเลกุลขนาดเล็กมวลแน่นๆ ที่หวาดกลัวกัน  เป็นที่รู้กันว่า LDL ฟูๆ นี้มีผลร้ายต่อร่างกายหรือมีผลต่อโรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัวน้อยกว่าชนิดขนาดเล็กมวลหนาแน่น" 



"บางครั้งเราพบคนไข้ที่รับประทานอาหารตามนี้แล้วมีคลอเรสเตอรอลรวมสูงเมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานที่หมออยากเห็น แต่คนไข้เหล่านี้มีสุขภาพดีและมีความสุขกับความเปลี่ยนแปลง (เช่นน้ำหนักที่ลดลง HbA1c ที่ดีขึ้นมาก) ก็ไม่เห็นอาหารนี้มีอันตรายที่ไหนเลย อาหารนี้แม้ว่าจะมีไขมันสูง แต่มันลดปริมาณน้ำตาลในเลือดมากมาย นั่นอาจเป็นกลไกในการลดคลอเรสเตอรอล จึงเป็นปัจจัยลดความเสี่ยงที่มาจากสภาวะคลอเรสเตอรอลสูงด้วย"


ปริมาณน้ำตาลในเลือดและ HbA1c ที่ลดลงสีฟ้าคือคีโตเจนิคไดเอท สีชมพูคือโลว์คาลอรี่

ภาพจากอินเตอร์เน็ต
#ชีวิตหลังสเต้นท์
#คีโตเจนิคไดเอท
#คีโตเจนิคไดเอทลดไตรกลีเซอไรด์
#คีโตเจนิคไดเอทเพิ่มเอชดีแอล
#คีโตเจนิคไดเอทลดฮีโมโกบินเอวันซี

บรรณานุกรม
https://www.dietdoctor.com/wp-content/uploads/2015/03/3.-Eric-Westman.pdf

Nutrition Volume 31, Issue 1, January 2015, Pages 1-13

เผาไขมันง่ายๆ ไม่ต้องออกกำลัง


เผาไขมันง่ายๆ ไม่ต้องออกกำลัง

ไขมันคือเสบียงไว้เลี้ยงตัว แต่เราไม่เคยอดจะแบกไขมันไว้ทำไม


ร่างกายเราฉลาดที่สุด
น้ำตาล 1 กก เผาได้ 4000 คาลอรี่
ไขมัน 1 กก เผาได้พลังงาน 9000 คาลอรี่
ถ้าคุณต้องแบกเป้เสบียงขึ้นหลัง เข้าป่าไม่รู้ชะตากรรม แบกได้เพียงหนึ่งกิโลกรัม คุณจะแบกน้ำตาลหรือไขมัน
เลือกแบกไขมันอยู่แล้ว น้ำหนักเท่ากันได้พลังงานมากกว่า
กล้ามเนื้อทั้งร่างกายแบกน้ำตาลสะสมในรูปของไกลโคเจนไว้ได้ 2000 คาลอรี่ น้ำตาลแป้งอะไรที่เกินเข้ามาจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน เก็บไว้ได้มาก 10-20 เท่า เผื่ออดขึ้นมาจริงๆไม่ได้กินอะไรเลย ทุกวันถ้าขาดพลังงานระหว่างมื้อก็เอาเสบียงหนัก (น้ำตาลในรูปของไกลโคเจน) มาเผาไปก่อน ปัญหาคือเราเติมเสบียงทุกวัน วันละสามถึงหกเวลา ไม่เคยหยุดกินให้ 2000 แคลอรี่น้ำตาลหมด ดังนั้นที่ออกกำลังกันประเดี๋ยวประด๋าวเพื่อลดไขมันจึงเป็นไปได้ยากยิ่ง เพราะ 2000 คาลอรี่แรกไม่เคยหมดสักที (แต่ละวันเผาเสบียงหนักอยู่นั่นเองไปไม่ถึงเผาไขมัน)
ถ้างดแป้งงดน้ำตาล หลังจาก 12-24 ชมผ่านไป ไกลโคเจนถูกเผาหมด ร่างกายจะเริ่มดึงไขมันสะสมมาเผาผลาญ เมื่อไม่กินแป้งและน้ำตาลก็ไม่มีไกลโคเจนมาสะสม ขาดพลังงานระหว่างมื้อ (สามชั่วโมงหลังอาหาร) หรือระหว่างนอนหลับเมื่อไรร่างกายดึงพุงกะทิไปเผาทันที
ถ้าคุณฉลาด จะเผาเสบียงเบาก็ต้องเผาเสบียงหนักให้หมดก่อน และไม่ซื้อเสบียงหนักเติมที่เซเว่นนะคะ 555
กินไขมันแทนแป้ง กินนิดเดียวอิ่มจนจุก


สิ่งที่คุณจะได้ฟังต่อไปนี้มันอาจตรงข้ามกับสิ่งที่คุณเคยได้ยินมาได้ถูกสอนมาทั้งหมด เป็นวิธีกินอาหารเพื่อจำกัดการทำงานของฮอร์โมนที่เปลี่ยนแป้งเป็นไขมันสะสม และกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนเผาไขมัน  เมื่อทำต่อเนื่องคุณจะเกิดการเผาผลายไขมันสะสม น้ำหนักลด รูปร่างสมส่วน และปราศจากอาการของความเจ็บป่วยและโรคบางชนิดในที่สุด


Dr. Eric Westman MD. Duke University
รักษาผู้ป่วยด้วยอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำมากว่า 10+ ปี

วันหนึ่งคุณบริโภคคาร์โบไฮเดรทกี่กรัม นี้คือสิ่งจะตัดสินว่าวันนี้ร่างกายคุณจะใช้คาร์โบไฮเดรทเป็นเชื้อเพลิง หรือร่างกายคุณต้องเผาไขมันเป็นเชื้อเพลิงมากเท่าไร ในคลินิคคุณหมออีริค เวสต์แมน มหาวิทยาลัยดู๊ค จัดให้คนไข้รับประทานคาร์โบไฮเดรตไม่เกินวันละ 20 กรัม เพราะเมื่อร่างกายมีคาร์โบไฮเดรตให้ใช้เป็นพลังงานอย่างจำกัด  ร่างกายก็จะไปเผาผลาญไขมันมาใช้เป็นพลังงาน บนจานก็จะมีเนื้อสัตว์ ไข่ ปลา ไก่ และผัก หลักก็คือเนื้อสัตว์และผัก ส่วนคาร์โบไฮเดรตคุณจะได้มาเองจากผัก ที่คุณเคยบริโภคขนมปัง พาสต้า มักกะโรนี สปาเก๊ตตี้ ข้าว มันฝรั่ง มันม่วง ข้าวโพด อาหารเหล่านี้มีคาร์โบไฮเดรตสูงทั้งสิ้น แค่เลิกรับประทานก็พอ

ผลไม้กินได้ไหม

ผลไม้มีน้ำตาลสูงมาก ไม่รับประทานนะคะ เพราะน้ำตาลก็เป็นคาร์โบไฮเดรตนั่นเอง อนุญาตให้รับประทานแค่สตรอเบอรี่ ราสเบอรี่ แบล๊คเบอรี่ (สดหรือแช่แข็งก็ได้) วันละหนึ่งขีด (100 กรัม) และอโวคาโดวันละครึ่งผลค่ะ

เนยกินได้ไหม

กินเนยได้ค่ะ กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันมะกอก ทำกับข้าว ใส่สลัดผัก เนยใส (กี) วิปครีม ครีมชีส ชีสก้อนต่างๆ เชดด้า มอสเซอเรลล่า บลูชีส บรี พาร์มีชานได้หมดค่ะ ใส่ในมื้ออาหาร ใส่ในเครื่องดื่ม อิ่มก็หยุด


สองสามวันแรกคนไข้อาจกระวนกระวาย มีความอยากอาหารที่ถูกสั่งให่เลิกรับประทาน คุณหมออีริคบอกว่าความรู้สึกเหล่านั้นโอเค แต่ก้ให้รับประทานแบบคาร์โบไฮเดรตต่ำนี้ต่อไป ทุกสองสัปดาห์วัดรอบเอว ชั่งน้ำหนัก คุณจะเห็นความแตกต่างได้ด้วยตัวเอง

____________________________________________________________________

เช้านี้หมูสามชั้นหนึ่งขีดนาบกระทะห่อผัก ต่อด้วยตับไก่บดสองช้อนโต๊ะ ของหวานในตู้เย็นสตรอเบอรี่อะโวคาโดคีเฟอร์ครีมทานไปได้สามคำตัองส่งกลับตู้เย็นเพราะอิ่มเกิน กาแฟวิปครีมก็ยังค้างเติ่งอยู่บนโต๊ะ พุงสงบไม่อยากย่อยเพิ่ม ไขมันในอาหารส่งสัญญาณไปสั่งงานสมองที่ศูนย์อิ่ม ความเสียหาย หมูขีดนึง 10 บาท ผักสิบบาท สตรอเบอรี่ครึ่งขีด 7 บาท อโวคาโดครึ่งผล 12 บาท (ซื้อของไทยจากแมคโครถูกหน่อย) ไม่นับกาแฟผงชงเอง วิปครีมสองช้อนเท่านั้นเอง
ชีวิตนี้ดีหนอ ขอเอาไขมันในเป้หลังมาเผาให้ตัวเบาๆ บ้าง
5 ตุลาคม 60-25 มกราคม 61 เอาไขมันออกจากเป้ได้ 8 กิโลกรัม ตอนนี้เดินตัวปลิวเลยคะเริ่มหัดวิ่งแล้ว
#ชีวิตหลังสเต้นท์
Cr ภาพจากอินเตอร์เน็ต
ข้อมูลพลังงาน Dr Jeff Volek
ข้อความส่วนหนึ่งจากถอดเทปยูทูปของคุณหมอเวสต์แมน


#คีโตเจนิคไดเอท
#กินไขมันไล่ไขมัน
#ชีวิตหลังสเต้นท์
#กินอย่างไรไล่ห่วงยาง

#KetogenicDietThailand

1/31/2018

คีโตเจนิค ไดเอท และภาวะคีโตอแดปเตชั่น

อาหารยอดนิยมของชาวคีโต

Fat adapted/Keto adapted

เมื่อไม่มีอาหารตกถึงท้องสัก 16-24 ชม (บางคนถึง 72 ชม ขึ้นกับว่ามีไกลโคเจนเก็บสะสมอยู่มากเพียงไรในตับ) ร่างกายก็อาจเริ่มผลิตสารคีโตนจากการเผาผลาญไขมัน แต่ร่างกายยังเรียกหาน้ำตาลอยู่ อาจเกิดอาการหงุดหงิด มือสั่น มึนงง ปวดหัว อยากน้ำตาลเป็นต้น เมื่อบริโภคแป้งและน้ำตาลร่างกายก็กลับไปใช้น้ำตาลเป็นพลังงานหลักอีกครั้ง

ในภาวะที่ร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรตในปริมาณต่ำ (ต่ำกว่า 20 กรัมต่อวัน) ร่างกายจะเอาไกลโคเจนในตับและในกล้ามเนื้อมาใช้ ถ้ามีไกลโคเจนเหลืออยู่ร่างกายก็ไม่เข้าสู่ภาวะคีโตสิส (มีสารคีโตนในเลือดหรือปัสสาวะ) สามสี่วันผ่านไปในสภาวะนี้ร่างกายจึงอาจเข้าสู่ภาวะคีโตสิสทางโภชนาการ ตรวจสอบได้จากมีคีโตนในปัสสาวะหรือในลมหายใจ ช่วงเปลี่ยนผ่านนี้บางคนมีอาการที่เรียกไข้คีโตหรือคีโตฟลู ปวดเมื่อย ไม่มีแรง ออกกำลังไม่ได้ถ้าไม่กินคาร์บก่อนหรือระหว่างออกกำลัง อ่อนเพลีย คือร่างกายร้องขอน้ำตาลนั่นเอง ถ้าอดทนได้สักพักและมีการบริโภคไขมันอย่างต่อเนื่อง กลไกการเผาไขมันจะเริ่มทำงานมากขึ้น เริ่มจากกลไกของตับ ถัดมาอวัยวะอื่นๆเริ่มใช้ไขมันหรืออนุพันธ์ุไขมันเป็นเชื้อเพลิง ถ้าขาดเหลืออย่างไรก็จะไปเอาเสบียงไขมันสะสมมาใช้เป็นพลังงานเองโดยไม่บอกกล่าวเจ้าของร่าง

หยดไตรกลีเซอร์ไรด์ในเซลล์ไขมัน จะถูกสลายและนำออกจากเซลล์ภายใต้การควบคุมของฮอร์โมน

คีโตนที่สมองใช้งานเป็นเชื้อเพลิงอันวิเศษ มีชื่อว่า เบต้าไฮดรอกซี่บิวไทเรต BHB สมองชอบเชื้อเพลิงชนิดนี้มาก ได้พลังงานต่อโมเลกุลมากกว่าที่ได้จากน้ำตาล เผาหมดสดใส สมองโปร่งโล่ง พลังความคิดเพียบ ตื่นตัวทั้งวัน แถม BHB กระตุ้นขบวนการซ่อมแซมและเก็บกวาดอนุมูลอิสระในสมองอีกด้วย เจ้าของร่างจะลดซึมเศร้า ความจำที่เสียไปเริ่มกลับคืนมา อารมณ์ดี โลกสวย อยากขยับแข้งขยับขาออกกำลังและออกไปพบปะเพื่อนฝูง เป็นสภาวะที่วิเศษสุด หลายคนในสภาวะนี้เริ่มไปออกกำลังเองโดยไม่มีใครมาชวน เป็นการช่วยการลดน้ำหนักมากขึ้นไปอีก



ไตรกลีเซอร์ไรด์จากเซลล์ไขมันเดินทางไปที่ตับ ถูกลดขนาดให้เป็นคีโตนส่งไปให้สมอง คีโตนข้าม blood brain barrier เข้าสู่สมองได้ดีมาก 
อาหารคีโตนเพิ่มปริมาณเนื้อเยื่อสีเทาในสมอง ทำให้การหดตัวของสมองในผู้สูงอายุ (สมองฝ่อ) ลดลง
ส่วนกรดไขมันกล้ามเนื้อนำไปใช้ได้เลย
การออกกำลังกายยามเช้าก่อนรับประทานอาหารกระตุ้นขบวนการทั้งหมดดังกล่าว


การบริโภคไขมันทำให้ลำไส้เล็กส่งสัญญาณอิ่มไปยังสมอง คนทานไขมันประจำจะอิ่มทน ไม่กินจุบจิบระหว่างมื้อ รอมื้ออาหารได้ 6-8 ชั่วโมงไม่หิวไม่ออกอาการ บางทีตื่นเช้าก็ไม่หิว ลืมกินอาหารเช้าไปถึงเที่ยงก็มี ออกกำลังได้โดยไม่ต้องอัดคาร์บก่อนเคลื่อนไหว มีแรง ไม่หิวระหว่างออกกำลัง ไม่ต้องพึ่งเครื่องดื่มรสหวาน ถ้าอดอาหาร 12-16 ชม ก็ทำงานได้แม้ยังไม่ได้รับประทานอาหาร หุ่นเปลี่ยน น้ำหนักลดเอาๆ ร่างกายผลิตคีโตนในปริมาณที่เหมาะสม (range ของ nutritional ketosis) ณ จุดนั้นตอนเช้าตื่นมาก็ไม่ค่อยหิว คุณอยากรับประทานอาหารน้อยลง เห็นแป้งและน้ำตาลก็ไม่มือไม้สั่นสะเทือนขวัญและอารมณ์อีกต่อไป

ณ จุดนั้นคุณไม่ควรลดไขมันที่บริโภค แค่หยุดเมื่ออิ่มก็เพียงพอแล้ว

คุณจะเข้าสู่ภาวะคีโตสิสได้ดี และอแดปได้ในเวลาไม่นาน เมื่อ

1) มีสุขภาพตับที่ดี
2) มีสมดุลย์แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
3) เลี่ยงคาร์บแฝงและผงชูรส คุมคาร์บที่ 20 กรัมต่อวัน
4) บริโภคโปรตีน ไม่เกิน 0.8-1.2 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกก.
5) กล้ากินไขมันตามโควต้า ทั้งอิ่มตัวไม่อิ่มตัวสลับกันคละกัน
6) ไม่เครียด
7) ดื่มน้ำมากๆ ไม่มีน้ำไขมันเผาผลาญไม่ได้
8 ) ทานผัก ได้เกลือแร่ แก้ท้องผูก
9) ทานเกลือ (หิมาลัย) 1-2 ช้อนชาต่อวันในมื้ออาหารหรือน้ำดื่ม
10) นอน 7-8 ชม ต่อวัน
11) ออกกำลังแบบเบาๆ ถ้าเทรนเวททุกวัน หรือโหมเหมือนเคยสมัยลดน้ำหนักอื่นๆ ความเครียดเกินฮอร์โมนเครียดหลั่งไม่มีการเผาไขมันนะคะ ร่างนึกว่าคุณเทรนไปออกรบ เลยสะสมไขมันให้เอาไปออกรบด้วยค่ะ เหลือเทรนนิ่งสัปดาห์ละสองวันพอ

สักสี่สัปดาห์+ ขึ้นไปคุณอาจสังเกตความเปลี่ยนแปลงข้างต้นได้ด้วยตนเอง พร้อมไขมันที่หายไปจนต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ หุ่นลงเร็วกว่าขีดตาชั่งนะคะ สุขภาพที่เปลี่ยนไปมาก่อนการลดน้ำหนักค่ะ ยินดีด้วยนะคะ คุณเป็นชาวเผ่าคีโตโดยสมบูรณ์แล้ว

ดร.ไก่
#คีโตหลังหัวใจวาย
#ชีวิตหลังสเต้นท์
#คีโตเจนิคไดเอท
#กินไขมันไล่ไขมัน
#กินอย่างไรไล่ห่วงยาง
#KetogenicDietThailand

บรรณานุกรม
บทความของ
Dr. David Unwin MD,
https://youtu.be/KxbWw5jwzHs
Dr. Eric Westman MD.
https://youtu.be/WendvONj5O0
Dr. David Perlmutter MD.
https://youtu.be/cv04vkN3J7E


Cr ภาพจากอินเตอร์เน็ต

1/30/2018

คีโตเจนิค ไดเอทหลัง 50

คีโตเจนิค ไดเอทหลัง 50

ช่วงนี้แฟนคลับเขียนมาหาหลังไมค์มากมาย ในเฟซบุ๊ค ดร.ไก่ ศูนย์ใจปรารถนา ขอคำแนะนำเรื่องการลดน้ำหนัก ได้บอกแฟนๆ ว่า การกินไขมันไล่ไขมันนี้เป็นการบริโภคอาหารเพื่อทำงานร่วมกับฮอร์โมนในร่างกายเราเอง ลดการกระเพื่อมของฮอร์โมนอินสุลิน เมื่องดแป้งและน้ำตาลปริมาณฮอร์โมนอินสุลินในกระแสเลือดจะอยู่ในระดับต่ำเสมอๆ ในสภาวะนี้เองที่ฮอร์โมนเผาผลาญไขมันจะทำงาน กำจัดไขมันส่วนเกินออกไป น้ำหนักที่ลด หุ่นที่ดีขึ้นเป็นเพียงผลพลอยได้ของสุขภาพดี การบริโภคแบบนี้ทำให้ตับอ่อนได้พักผ่อน คนที่มีภาวะดื้ออินสุลินสภาวะดังกล่าวจะลดน้อยถอยลง คนที่เป็นเบาหวานจะลดการฉีดอินสุลินลงเพราะน้ำตาลในเลือดไม่สูงอีกต่อไป ในผู้ป่วยเบาหวานสุดท้ายแพทย์จะลดยาเบาหวานถึงกับเลิกให้ในที่สุดเพราะค่าน้ำตาลในเลือดเป็นที่น่าพอใจ


ปรากฏว่าหลายท่านที่คุยมาหลังไมค์มีอายุเกิน 50 บ้างเกิน 60 ก็มี ลูกหลานอ่านพบให้พ่อแม่มาคุยเอง

ปัญหาของท่านดูจะเหมือนๆกัน

เดินขึ้นบันไดเหนื่อยมาก หัวใจมันจะเต้นออกมาจากอก
กินข้าวมื้อละสามจาน มันหิวหยุดไม่ได้
วันๆ ไม่ไปไหนแล้ว ปีที่แล้วน้ำหนักเพิ่มมาสิบโล ไปไหนอายเค้า
สามีเรียกยายหมู พี่ก็เสียใจมาก ไปเข้าคอร์สกินยามันก็ไม่ลด
หมอให้ออกกำลัง เดินแล้วมันเหนื่อย ปวดเข่าด้วย แล้วไม่เห็นมันลดเลย
รักษาเบาหวานมา ตั้งแต่กินยา จนตอนนี้ต้องฉีดอินสุลินทุกวัน มันก็ไม่เห็นดีขึ้นเลย
พี่เป็นมะเร็งปากมดลูก รักษาและคีโมมาแล้วห้าปี มากินอย่างนี้จะได้ไหม


นี้คือตัวอย่างคำถามส่วนหนึ่งจากท่านเหล่านี้ พร้อมทั้งคำตอบ

ฟังดร. ว่าก็เชื่ออยู่หรอก แต่ไม่กินข้าวมันจะอิ่มได้อย่างไร
ข้าวหนึ่งกรัมให้พลังงาน 4 แคลอรี่ ไขมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9 แคลอรี่
ข้าว 1 ทัพพีมี 80 แคลอรี่
หมูสามชั้น 1 ขีดมีพลังงาน 518 แคลอรี่
วันหนึ่งให้คุณน้าทานหมูสามชั้นมื้อละขีด (ไม่ใช่อย่างนี้ทุกมื้อ) พลังงานมากกว่าข้าวสามทัพพีอีกคะ คุณน้าไม่หิวหรอกค่ะ

ที่ยากหน่อยคืองดผลไม้ โอย จะเอาวิตะมินที่ไหน
เอาวิตะมินจากผักใบเขียวค่ะ

โอยฉันกินอาหารมื้อนึงนำ้หนักขึ้นมาสี่ขีดจะทำอย่างไร
ไม่ต้องทำอะไรค่ะ ขอเวลาสักพักเห็นผลเองค่ะ

กินกล้วยก่อนนอนได้ไหม
ไม่ได้คะกล้วยหนึ่งผลคาร์โบไฮเดรทเกือบ 30 กรัมค่ะคุณน้า

ก่อนนอนเคยทานขนมปังกรอบ กลัวหิวกลางคืน
ถ้าทานอาหารเติมไขมันอิ่ม ก่อนนอนกลางดึกไม่หิวค่ะ


ตัวดิฉันเองก็ 50+ น้องนางอุดรคนงามวานนี้ก็ 50+ วันก่อนแฟนคลับ 60+ โทรมาเล่าว่าทานคีโตจีนิค ไดเอทสองสัปดาห์ ลดปริมาณอินสุลินที่ฉีดไปแล้ว ป้าปรางพระโขนงโทรมาเมื่อเช้า บอกลูกชายทำตามดร. ตอนนี้ซิกซ์แพ็คขึ้นแล้ว ลูกสะใภ้เลยจัดอาหารเหมือนกันให้ป้าปรางบ้าง กินมาสามวันไม่น่าเชื่อลดไปกิโลหนึ่ง พุงยุบก้นยุบ ตอนนี้ก้มเห็นนิ้วเท้าตัวเองแล้ว

การกินอาหารแบบคีโตเจนิค ไดเอทเป็นการกินเพื่อปรับสมดุลการใช้พลังงานสะสมในร่างกาย ให้ร่างกายเอาไขมันสะสมมาเผาใช้ในชีวิตประจำวัน เราอยู่ในยุคอยู่ดีกินดี ไม่ต้องสะสมไขมันไว้ใช้ยามขาดแคลนในวันหน้าอีกต่อไป ค้างคานานเป็นรังของโรคและเป็นภาระร่างกาย จึงขอชักชวนให้ศึกษาการรับประทานอาหารแบบนี้เป็นทางเลือกอย่างหนึ่งนะคะ


#คีโตเจนิคไดเอท
#ชีวิตหลังสเต้นท์

1/29/2018

คีโตเจนิคไดเอท กินอย่างไรไล่ห่วงยาง

ภาพจากอินเตอร์เน็ต

คีโตเจนิคไดเอท กินอย่างไล่ห่วงยาง

"ห่วงยาง มันมาได้อย่างไรก็ไม่รู้"

"ตอนสาวๆ มันก็แค่มีพุงนิดๆหน่อยๆ"

"หนูก็กินยาลดความอ้วน เดิมน้ำหนัก 53 กก ตอนหกสิบชักไม่ไหว ไปซื้อมากินหมดนะอาจารย์ ยาเผาไขมัน กาแฟลดน้ำหนัก ฯลฯ วันนี้มันไม่หกสิบแล้วอาจารย์ มันเก้าสิบกว่ากิโล หนูไม่ไหวแล้วขึ้นบันไดบ้านไปนอนชั้นสองหนูหอบแฮ่กๆ ใจมันจะเต้นออกมาจากอก กินอาหารเสริมอะไรมันก็ไม่ลด หนูอ่านเป็นเพื่อนกับอาจารย์ในเฟซ ช่วงนี้ตามอ่านมาสักพักเห็นอาจารย์ลดน้ำหนักได้ อาจารย์ช่วยหนูได้ไหม"

"อาจารย์ไปทำอะไรมาหุ่นหายไปเยอะเลย"

น้องนาง เพื่อนเฟซจากอุดร เขียนมาถามทางอินบ๊อกซ์เฟซบุ๊คในวันหนึ่งกลางเดือนพฤศจิกายน หลังจากดิฉันโดนหมอจัดให้กินยาลดไขมันสแตตินเมื่อเดือน ตุลาคม 2560 แต่คนไข้กบฏไปกินคีโตจีนิค ไดเอ็ต รักษาตนเอง หวังแค่หยุดสภาวะดื้ออินสุลินของตนเอง หนึ่งเดือนผ่านไปน้ำหนักหายไปราวสีกก. กลับมาสวมเสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้แล้วอีกครั้ง

ภาพถ่าย มกราคม 2559 82.0 กิโลกรัม
BMI 30.12 โรคอ้วนระยะที่ 1

คีโตเจนิค ไดเอท เป็นวิถีการกินอาหารที่รับประทานคาร์โบไฮเดรตต่ำมากไม่เกิน 20 กรัมต่อวัน ทานไขมันเป็นพลังงานหลัก 75% ควบคุมปริมาณโปรตีนที่ 15% การรับประทานอาหารแบบนี้ใช้กับคนไข้ชักมานานแล้ว ปัจจุบันแพทย์บางกลุ่มใช้เป็นทางเลือกรักษาเบาหวาน (ค่ะ รักษาเบาหวานถึงกับงดฉีดอินสุลินและหยุดยาได้) รักษา PCOS หยุดอัลไซม์เมอร์และย้อนกลับสู่สภาพความจำดีขึ้นได้ รักษาโรคซึมเศร้า โรคแอปเนีย (นอนขาดอ็อกซิเจนสะดุ้งตื่นตอนกลางคืน) ของแถมคือคนไข้น้ำหนักลดหุ่นดีพลังงานชีวิตเยี่ยม

คนป่วยที่หมอรักษาไม่หาย มีแต่ทรงกับทรุด เอาอำนาจมาอยู่ในมือกินคีโตจีนิค ไดเอทรักษาตัวเองก็เป็นหมื่นเป็นแสนคน

คนที่ไม่ป่วยในสหรัฐอเมริกาก็หันมารับประทานคีโตจีนิค ไดเอทเพื่อการลดน้ำหนักกันมากมาย

ภาพถ่าย มกราคม 2561 71.7 กิโลกรัม
BMI 26.34 น้ำหนักเกิน

ตั้งแต่ ตุลาคม 2560 ตัวเองได้พลีชีพกินขาหมู หนังไก่ แซลม่อน อโวคาโด แคบหมูรักษาตัวเอง เพื่อนที่เป็นหมอเห็นก็ไม่กล้าพูดอะไร คิดว่าเราหลงทาง ไม่แตะข้าวใหม่ๆ ก็ทำใจยาก ตอนนี้เป็นเรื่องง่าย แค่คิดถึงมะม่วงน้ำปลาหวานเวลาผ่านตลาดนัด เพราะแค่เดินผ่านน้ำลายมันสอขึ้นมาเลย

ผ่านมาสองสามเดือนคนที่ทำงานเริ่มทัก วันก่อนน้องชั้นสองมาขอสัมภาษณ์จะไปกินตามเพื่อลดหุ่นมั่ง สุดท้ายคุณหมอสาวสวยชาวโลว์คาร์บมาขอเรียนเทคนิคคีโตจีนิคด้วยคน เพราะโลว์คาร์บออกกำลังเยอะมากทุกวันน้องไขมันก็ยังไม่หนีไปไหน คุณหมอมาเรียนรู้ กลับไปกินคีโตจีนิคสามวันหายไปกิโลครึ่ง แถมได้กินคากิ ไข่ดาวพร้อมไข่แดง ไข่เจียวใส่ชีส กาแฟใส่วิปครีม ฯลฯ วัน แรกสั่งคากิคุณหมอน้ำตาไหลเพราะไม่ได้กินขาหมูเนื้อหนังมากว่าห้าปีแล้ว....




ภาพเมนูอาหารเครื่องดื่มในกลุ่มคีโตจีนิคจากอินเตอร์เน็ต

จะครบสี่เดือนเร็วๆ นี้ ปัจจุบันน้ำหนักหายไป 8 กิโลกรัม ที่ได้คืนมาคือความมั่นใจในตัวเองมากมาย 


น้องนางบ้านเฮา ลดไป 8 กิโลกรัมในสองเดือน
ภาพได้รับอนุญาตจากน้องนาง

ส่วนน้องนาง เพื่อนเฟซคนงามแห่งแดนอีสาน นางก็จัดหนักจัดเต็ม เชื่อว่าพี่ดร. เค้าแนววิชาการ ไม่พาเราหลงป่าหลงเขาแน่นอน ถึงจะสั่นคลอนเพราะเขาตราหน้ากันทั้งซอย ว่า "หมูกินขาหมูคงจะกลายเป็นหมูระเบิดในเร็วๆ นี้" ถึงกับปรามาสว่าถ้านางลดได้สิบโลจิ๊กโก๋ในซอยจะกราบตีน 

วันนี้สองเดือนผ่านไปหลังจากกินเส้นบุก น้ำปลาร้า หมูสามชั้น ขาหมู เนย วิปครีม น้ำมันมะพร้าวรายวันนางลดได้ 9 กิโลกรัม (ภาพบน) อีกไม่นานคงจะมีการกราบตีนไลฟ์บนเฟซบุ๊คสดจากอีสานบ้านเฮาแน่นอน

กินคีโตเจนิค ไดเอท เป็นวิถีเปลี่ยนชีวิต รายละเอียดเป็นอย่างไรโปรดติดตามต่อในตอนหน้าค่ะ

ดร. ไก่ ศูนย์ใจปรารถนา
รศ.ดร. กรณ์กาญจน์ ภมรประวัติ
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

#คีโตเจนิคไดเอท
#กินไขมันไล่ไขมัน
#ชีวิตหลังสเต้นท์
#กินอย่างไรไล่ห่วงยาง
#ภาพจริงไม่มีสตั๊นท์
#KetogenicDietThailand