มะเร็งความสัมพันธ์กาย ความคิด และจิตวิญญาณ
นายแพทย์ดาเรน สตาร์วินน์ ตั้งข้อสังเกตว่า
คนไข้มะเร็งของคุณหมอมีเรื่องราวด้านอารมณ์ที่เกาะกินใจ
มีพลังงานจักระบางจักระขาดสมดุลอย่างรุนแรง เมื่อวิเคราะห์กับตำแหน่งของก้อนมะเร็ง
พบว่าก้อนมะเร็งในร่างกายมักพบใกล้ตำแหน่งที่จักระขาดสมดุล ซึ่งโยงใยกับเรื่องราวเชิงอารมณ์ที่เกาะกินใจ
ครูจิตวิญญาณบอกว่า
กฏของจิตวิญญาณเกิดก่อนกฏกายเนื้อ
ความเจ็บป่วยเกิดขึ้นก่อนในพลังงานที่ห้อมล้อมกายเนื้อ เกิดในความรู้สึกนึกคิด
ถ้าบุคคลมีจิตวิญญาณดีและเก็บกวาดอารมณ์และจิตใจให้สะอาดอยู่เสมอ
ความไม่สมดุลจะถูกขจัดออกไปหรือจัดการในระดับดังกล่าว
บุคคลผู้นั้นจะมีสุขภาพที่ปราศจากปัญหา
ความคิดลบต่อเนื่องยาวนานในร่างพลังงานสุดท้ายจะตกสู่กายเนื้อ
ทำให้เกิดความเจ็บปวดต่างๆ และสภาวะเกิดโรค
คุณหมอสตาร์วินน์เชื่อว่านี่คือภาพของการเกิดมะเร็งที่ถูกต้อง
ปัจจุบันศาสตร์ที่เรียกว่า psychoneuroimmunology (PNI) เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยจิตวิทยา
ระบบประสาทส่วนกลาง
และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ถุกควบคุมโดยฮอร์โมนระบบประสาท (neuroendocrine) ได้รับรองว่าความไม่สมดุลทางอารมณ์นำไปสู่การเกิดเนื้อเยื่อมะเร็ง
บทความในวารสารมะเร็งยุโรปตีพิมพ์เรื่องความเชื่อมโยงของความเครียดเชิงอารมณ์กับการลดการทำงานของยีนระบบภูมิคุ้มกัน
ภาวะซึมเศร้ากดการทำงานของการสร้างทีเซลล์นักฆ่าภายในร่างกาย
ขัดขวางการซ่อมแซมดีเอ็นเอที่ผิดปรกติ และกระตุ้นการป่วยตายแบบอะป็อบโทซิสของเซลล์
บทความสรุปว่า ปัจจัยทางจิตวิทยาหรือเชิงพฤติกรรมอาจมีผลต่อความความพัฒนาก้าวหน้าของมะเร็งผ่านปัจจัยเชิงจิตวิทยาสังคมในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบสรีระวิทยาอื่น
บทความรีวิวจากวารสารมะเร็ง โดยดร. จูเลียน
บาวเออร์ 2019 กล่าวว่า
ความเหนื่อยล้าเกินกว่าระดับการทำกิจธุระในชีวิตประจำวันทั่วไปเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปในคนไข้มะเร็ง
ให้ความรู้สึกสิ้นหวังต่อเนื่อง หมดเรี่ยวแรงทั้งทางร่างกาย อารมณ์ และความคิดอ่าน
การศึกษาเชิงความเกียวข้องระหว่างภูมิคุ้มกันและระบประสาทพบว่า
ความลำบากยากแค้นในวัยเด็กมีผลอย่างมากกับการเสียพลังงานชีวิตที่สัมผัสได้ในรูปแบบของอาการไม่มีเรี่ยวแรงนี้
อาการอื่นที่พบคืออาการซึมเศร้าหมดอาลัยตายอยาก ไม่ทำอะไรเลย การนอนถูกรบกวน
(นอนไม่หลับ หลับไม่นาน หลับไม่อิ่ม) มีอาการแปลกแยก อยู่คนเดียว หงอยเหงา
และมีความผวาหวาดกลัวหงุดหงิด
งานวิจัยลงความเห็นว่าความเปลี่ยนแปลงเชิงภูมิคุ้มกัน ฮอร์โมนประสาท และระบบประสาทมีความเกี่ยวข้องกับความหมดเรี่ยวแรงนี้
ดร. คาโรลีน มิสส์ กล่าวว่า
เมื่อพลังงานจักระรั่วไหล เกิดการเสียพลังชีวิต
ร่างกายต้องไปดูดพลังงานชีวิตจากเนื้อเยื่อใกล้จักระดังกล่าวมาใช้
ทำให้เกิดการเหนือยง่าย ไม่มีแรง และเกิดอาการซึมเศร้าได้ สภาวะนี้เหมือนปรากฏการณ์ที่วารสารมะเร็งกล่าวไว้ข้างต้น
ความเครียดทางกายจิตและอารมณ์เบื้องต้นทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติด้านกลัวและต่อสู้หรือหนีทำงานต่อเนื่อง
ประสาทส่วนซ่อมแซมพักผ่อนไม่สามารถทำงานได้เต็มกำลัง
ทำให้เกิดโรคร้ายกับร่างกายได้ในที่สุด
วิธีซ่อมแซม ก่อนอื่นคือเปิดโอกาสให้ระบบประสาทพาราซิมพาเธติกได้ทำงานของมัน
จะเกิดได้เมื่อร่างกายผ่อนคลาย ดนตรี การเต้น งานศิลปะ
คือกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายรีบเร่งน้อยลง
เปิดช่องว่างให้ระบบประสาทคลายตัวร่างกายจึงมีโอกาสซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คือความคิดที่ทำให้จิตใจเราไม่คลุกกับเคื่องราวของผู้อื่นมากมายในแต่ละวัน
เป็นการเก็บรักษาพลังงานชัวิตไปใช้ในการเนรมิตอนาคตให้เป็นตามต้องการ
ผู้ที่จัดการพลังงานความคิดและอารมณ์ตนเองได้อย่างสมดุลในแต่ละวัน จะมีจิตใจแจ่มใส
สุขภาพสมดุลเมื่อพลังชีวิตดีโรคภัยต่างๆก็ไม่สามารถมาเยือนให้เกิดปัญหาได้
ภาพซ้ายพลังงานไหลออกเป็นก้อนโป่งพองสีชมพูที่ศอจักระ
เมื่อทำการฝังเข็มพลังงานเดินได้สะดวกก้อนสีชมพูจึงหายไปในภาพขวา
Cr Biofield viewer
อารมณ์ถูกเก็บไว้ในร่างกายตามตำแหน่งต่างๆ
ออโตเจนิค ทรีตเม้นต์และส้อมเสียงช่วยปลดปล่อยพลังงานตกค้างเหล่านั้นได้
พลังงานในด้านซ้ายแสดงพลังงานสีเขียวสีฟ้าที่สมดุล สีชมพูคือพลังงานไม่ลื่นไหลต่อไปจะเป็นโรคและความเจ็บป่วยต่างๆ
Cr Biofield viewer
มะเร็งมีเซลล์มะเร็ง ผลิตจากสเต็มเซลล์มะเร็ง
(สีเขียวอ่อน) การรักษามะเร็งทั่วไปใช้รังสีหรือคีโมทำลายเซลล์มะเร็ง
แต่ไม่เข้าถึงสเต็มเซลล์มะเร็ง (ภาพชุดบนสุด) ภ้าพลังงานในร่างกายเราไม่ดี
มีความเครียดหลั่งคอร์ติซอลอักเสบเรื้อรัง มีน้ำตาลในเลือดมากเกิน
สุดท้ายสเต็มเซลล์มะเร็งก็แบ่งตัวให้เซลล์มะเร็งได้อีกในวันข้างหน้า
No comments:
Post a Comment